การเก็บภาษีในประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นไปเพื่อการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มีการเจริญเติบโต โดยประเภทของภาษีมีหลายรูปแบบ ภาษีที่คนทำงานรู้จักกันดีก็คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะต้องมีการยื่นข้อมูลรายได้ทุก ๆ ปี ซึ่งหากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ประชาชนก็มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีให้รัฐตามเกณฑ์รายได้ที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ดอกเบี้ยเงินฝากก็เป็นรายได้รูปแบบหนึ่งที่บุคคลธรรมดาได้รับจากการฝากเงินในธนาคาร ตามกฎหมายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คนที่ฝากเงินกับธนาคารจึงจะต้องมีหน้าที่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้กับรัฐบาลด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็อาจจะยังคงสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องเสียภาษีสำหรับดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้ง ๆ ที่เงินฝากของเราก็ได้มาจากการทำงาน ซึ่งเรามีหน้าที่เสียภาษีเมื่อถึงเกณฑ์รายได้ที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว วันนี้เราจะมาอธิบายถึงเหตุผลที่ทุกท่านต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝากให้เข้าใจกันเพิ่มมากขึ้น
3 เหตุผลทำไมต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
1. เพื่อนำรายได้จากดอกเบี้ยเงินฝากมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
อย่างที่ทราบกันดีว่า ทุก ๆ ประเทศทั่วโลกนั้นมีระบบการเก็บภาษีที่คล้ายคลึงกัน และรายได้จากการเก็บภาษีของรัฐก็นำไปเป็นงบประมาณในการบริหารและพัฒนาประเทศ เพื่อให้สาธารณูปโภคต่าง ๆ ในประเทศมีคุณภาพดี เศรษฐกิจเกิดการเติบโต ซึ่งรายได้จากภาษีดอกเบี้ยเงินฝากจะถูกนำกลับไปรวมกับการจัดเก็บภาษีประเภทอื่น ๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้นการที่ประชาชนในประเทศเสียภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝาก จึงเป็นการช่วยให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
2. เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
บุคคลธรรมดาที่ได้รับดอกเบี้ยเงินฝากก็ถือเป็นผู้ที่มีรายได้เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาที่ได้รับรายได้จากช่องทางอื่น ๆ หากไม่เก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างบุคคลที่มีรายได้สูงและบุคคลที่มีรายได้ต่ำได้ ซึ่งแม้ว่าจะเสียภาษีสำหรับรายได้ที่ได้จากการทำงานประจำแล้วก็ตาม แต่เงินฝากในธนาคารส่วนใหญ่ไม่สามารถระบุได้ว่าเงินที่นำมาฝากนั้นเป็นเงินที่ได้มาจากรายได้ส่วนใด หรือช่องทางใดบ้าง ดังนั้นการเก็บภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับบัญชีที่มีเงินฝากสูงและได้ยอดดอกเบี้ยเกินกว่า 20,000 บาท โดยการหัก ณ ที่จ่ายเป็นจำนวน 15 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นมาตรการที่จะช่วยสร้างความเป็นธรรมให้กับทั้งคนที่มีรายได้น้อยและรายได้สูงได้ในเวลาเดียวกัน
3. เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
การเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากจะช่วยให้เกิดความโปร่งใสในการรับรายได้ของประชาชน เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีหน้าที่ต้องรายงานข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากของลูกค้าให้กับกรมสรรพากรรับทราบ โดยในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีเหล่ามิจฉาชีพมากมายที่หลอกให้ประชาชนทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางออนไลน์โดยมิชอบ การตรวจสอบข้อมูลบัญชีธนาคารของประชาชนเพื่อให้ทราบว่า แต่ละคนมีรายได้ หรือเงินในบัญชีเท่าไหร่เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับเก็บภาษีดอกเบี้ยจากการฝากเงิน ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อการช่วยให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยดี แต่ยังช่วยป้องกันการทุจริตคอรัปชัน และการฟอกเงินได้อีกหนึ่งช่องทางด้วย แม้ว่าเหล่าคนโกงหรือแก๊งมิจฉาชีพจะมีวิธีการอีกหลายร้อยวิธี แต่อย่างน้อยการตรวจสอบบัญชีก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ลดปัญหาเหล่านี้ลงไปได้ไม่มากก็น้อย
นอกจากนี้ การเก็บภาษีดอกเบี้ยเงินฝากยังมีวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น เพื่อควบคุมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ แทนการฝากเงิน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับภาษีประเภทนี้ก็คือ บุคคลธรรมดาสามารถขอคืนภาษีที่เก็บจากดอกเบี้ยเงินฝากได้ หากยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหลังจากสิ้นปีภาษีแล้วไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องจ่ายภาษี โดยปัจจุบันสำหรับใครที่มีเงินฝากในบัญชีธนาคารพาณิชย์ก็อย่าลืมไปทำเรื่องขอยินยอมให้ทางธนาคารพาณิชย์นั้น ๆ ส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากให้กับกรมสรรพากร เพื่อประเมินภาษีดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายต่อไป
เมื่อทราบเหตุผลกันแล้วว่า ทำไมจึงต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ในฐานะประชาชนที่ดีของประเทศก็ขอให้ทุกคนยื่นแบบแสดงรายการเงินได้และข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อเสียภาษีอย่างถูกต้องในระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายต่อไป
